1. ยุคบุกเบิก (ค.ศ. 1815 – 1895)

ส่วน Phenakistocope มีลักษณะเป็น ภาพชุดหนึ่งที่มีอาการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องกันตั้งแต่ต้นจนจบ เช่น แมวกระโดด เรียบเรียงบน แผ่นกลมแผ่นหนึ่ง เวลาจะดูต้องดูภาพจากแผ่นกระจกที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับแผ่นกลม จึงจะมองเห็นภาพคน หรือสัตว์นั้นแสดงอาการเคลื่อนไหวได้ ของเล่นที่เป็นการเห็นภาพติดตานี้ จับเอาจุดของความเป็นจริงทางจิตวิทยาที่ว่า สมองของคนเรา นั้นสามารถจดจำภาพที่ตามองเห็นได้นานกว่าการบันทึกภาพของตาจริงๆ การจดจำนี้ทำให้ภาพชุดแสดง อาการเคลื่อนไหวที่เราเห็นทีละภาพต่อเนื่องกันดูเชื่อมต่อกันสนิทเหมือนกับเคลื่อนไหวได้ นี่เป็นหัวใจ ของ หลักการสร้างภาพยนตร์ เพราะภาพยนตร์ก็คือภาพนิ่งแต่ละภาพที่ต่อเนื่องกันอย่างมีระบบนั่นเอง
ประวัติศาสตร์ของกล้องถ่ายภาพยนตร์ อาจศึกษาย้อนหลังลงไปถึงงานของ Leonardo da Vinci ชิ้นที่เป็นไดอะแกรมของ Camera Obscura อันเป็นกล่องเล็กๆ ที่จับภาพกลับหัวได้ที่ด้านตรงข้ามเลนส์ ซึ่งแรกทีเดียวก็ไม่มีเลนส์ด้วยซ้ำไป เป็นแต่รูเล็กๆเท่านั้น
ในตอนต้นศตวรรษที่ 19 นักวิทยาศาสตร์ หลายคนก็พยายามคิดค้นหาแผ่นวัสดุที่จะมารับภาพได้อย่างชัดเจนและคงทนถาวร การทดลองที่ประสบผล สำเร็จเกิดขึ้นในฝรั่งเศส ใน ค.ศ.1839 ด้วยความพยายามของ Louise-Jacques-Mande Dagyerre และ Joseph-Nicephore Niepce แต่ภาพแรกๆ ของดาแกร์นั้นใช้เวลารับแสงนานถึง 15 นาที ในขณะที่การถ่าย และฉายภาพยนตร์ให้ดูภาพเคลื่อนไหวได้เหมือนจริงนั้น จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยก็ 16 ภาพต่อวินาที ดังนั้น ในระยะนี้ภาพยนตร์จึงยังไม่อาจเกิดขึ้นได้ ในปี ค.ศ.1870 กล้องถ่ายภาพนิ่งจึงได้มีชัตเตอร์ และเริ่มมีการใช้ความเร็วชัตเตอร์ถึง 1/1000 วินาที






ฝากติชมด้วยนะคะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ
งานนี้ สวดยวดดดด คริ คริ
ตอบลบดีดี ที่ แตกต่าง
ตอบลบ